กฎกระทรวงการกำหนดอัตราเร็วสูงสุดที่กำหนดไม่เกินในทางเดินรถ พ . ศ . 2 5 6 4
ที่มา:https://ddc.moph.go.th/dip/publishinfodetail.php?publish=12963&deptcode=dip
ดีอีเอส เผยอย่ารับหมายเลขที่ขึ้นด้วย +697 ยันเป็นมิจฉาชีพ
โฆษกดีอีเอส เผย กสทช. ขอความร่วมมือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ กำหนดหมายเลข +697 นำหน้าเบอร์โทร เพื่อเป็นจุดสังเกตให้ประชาชน ป้องกันถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ
นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหามิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงประชาชน ขณะนี้ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานความร่วมมือกับกสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เพื่อแก้ไขปัญหามิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงประชาชนดังกล่าว โดยกำหนดเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +697 ซึ่งการโทรเข้ามาจากต่างประเทศด้วยการโทรผ่านอินเทอร์เน็ต เกือบทั้งหมดจะเป็นมิจฉาชีพ เนื่องจากการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น ไม่ต้องมีการลงทะเบียนเบอร์โทรหรือการยืนยันตัวตนเหมือนอย่างการเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์มือถือ จึงทำให้เป็นช่องทางของมิจฉาชีพใช้ช่องว่างนี้ในการหลอกลวง
“ต้องขอบคุณทาง กสทช. ที่ออกมาตรการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ใส่เครื่องหมาย + นำหน้าเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่สังเกตของประชาชน เพื่อให้ประชาชนระมัดระวัง อย่ารับสาย ป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง” โฆษกดีอีเอส กล่าว
หากแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหรือส่งข้อความเข้ามา ประชาชนสามารถแจ้งหมายเลขโทรศัพท์กับทางเครือข่ายมือถือของท่านเพื่อตรวจสอบพร้อมบล็อคเบอร์ดังกล่าว
ที่มา: https://www.mdes.go.th/news
กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคฯ ฉบับที่ 24/2565 “เตือนประชาชนในช่วงหน้าฝน ระวังป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง แนะยึดหลักสุก ร้อน สะอาด”
กรมควบคุมโรค ขอเผยแพร่ “พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์”
ฉบับที่ 24/2565 ประจำสัปดาห์ที่ 25 (วันที่ 19 – 25 มิ.ย. 65)
“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-14 มิ.ย. 2565 พบผู้ป่วยแล้ว 217,669 ราย เสียชีวิต 2 ราย สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานเหตุการณ์โรคอุจจาระร่วงเป็นกลุ่มก้อนจำนวน 2 เหตุการณ์ คือ เหตุการณ์การระบาดในเรือนจำแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง พบผู้ป่วย จำนวน 196 ราย ผลตรวจพบเชื้อ Entamoeba histolytica และเหตุการณ์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี พบผู้ป่วย จำนวน 15 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ อายุมากกว่า 65 ปี (15.18%) รองลงมา อายุ 25-34 ปี (13.89%) และอายุ 15-24 ปี (12.43%) จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรกคือ อํานาจเจริญ มุกดาหาร เชียงราย ระนอง และภูเก็ต ตามลำดับ”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในระยะนี้ประเทศไทยมีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารที่ทิ้งค้างไว้ข้ามวัน การปรุงประกอบอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรือรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ซึ่งอันตรายที่สำคัญของโรคนี้ คือ การเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ อาจทำให้ช็อก หมดสติ และภาวะขาดสารอาหาร กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสได้รับเชื้อสูงคือ กลุ่มนักเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ค่าย หรือเรือนจำ อาจเกิดการระบาดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนจากการจัดเลี้ยงอาหารในคนหมู่มากได้ และโดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็กเล็กและผู้สูงอายุหากเกิดโรคแทรกซ้อนจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า ในการป้องกันโรคอุจจาระร่วง ขอให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่รับประทานอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ ดื่มน้ำสะอาดที่ได้รับมาตรฐาน หากเป็นน้ำแข็งหลอดที่บรรจุถุงควรสังเกตรายละเอียดบนฉลากให้ครบถ้วน และเครื่องหมาย อย. สำหรับอาหารค้างมื้อควรอุ่นร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน และล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ทุกครั้งก่อนปรุงหรือรับประทานอาหารและภายหลังขับถ่าย ทั้งนี้ หากอาการอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้น มีอาการถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น อาเจียนบ่อย รับประทานอาหารไม่ได้ มีไข้สูง ถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”
กินเค็มไม่จบแค่โรคไต
ใครที่ชอบกินเค็ม ต้องลดๆ ลงบ้างแล้วนะคะ เพราะกินเค็มๆ มากมาย ทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณสูง ซึ่งก่อให้เกิดโรคมากมาย ไม่ใช่แค่โรคไตที่ต้องระวัง แต่ยังมีโรคอื่นๆ ตามมาอีกเพียงเลยค่ะ
องค์การอนามัยโลกให้แนะนำว่า คนทั่วไป ไม่ควรกินเกลือเกินวันละ 1 ช้อนชา หรือประมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน ควรกินเกลือไม่เกิน ¾ ช้อนชา หรือประมาณวันละ 1,500 มิลลิกรัม




